Home / สาขาวิชาการจัดการสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม
สาขาวิชาการจัดการสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม

ติดต่อสอบถามเบอร์โทร 062-019-6415
ชื่อหลักสูตร
ภาษาไทย : หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม
ภาษาอังกฤษ : Bachelor of Science Program in in Industrial Environmental Management
ชื่อปริญญา
ชื่อปริญญาภาษาไทย : วิทยาศาสตรบัณฑิต (การจัดการสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม)
ชื่อปริญญาภาษาอังกฤษ : Bachelor of Science (Industrial Environmental Management)
อักษรย่อภาษาไทย : วท.บ. (การจัดการสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม)
อักษรย่อภาษาอังกฤษ : B.Sc. (Industrial Environmental Management)
ปรัชญา
ปรัชญามหาวิทยาลัย
สร้างเสริมปัญญา ใฝ่หาความรู้ คู่คุณธรรม ชี้นำสังคม
ปรัชญาสาขาวิชา
มุ่งผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพด้วยการเรียนรู้ควบคู่การปฏิบัติเพื่อการจัดการสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรมที่สอดคล้องกับการพัฒนาที่ยั่งยืน บนพื้นฐานภูมิปัญญาไทยและมาตรฐานสากล เสริมศักยภาพการพึ่งพาตนเองอย่างมีจริยธรรม มีจิตสำนึกที่ดีต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อขับเคลื่อนประเทศสู่อนาคตที่สมดุลและยั่งยืน
ความสำคัญ
สถานการณ์ปัจจุบันที่มีความเปลี่ยนแปลงหลายด้านทั้งภายในประเทศและต่างประเทศส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อหลักสูตรการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม การวิเคราะห์สถานการณ์ที่มีความสำคัญต่อหลักสูตรนี้สามารถระบุได้ ดังนี้
1) การเปลี่ยนแปลงนโยบายสิ่งแวดล้อมระดับชาติและนานาชาติ
ประเทศไทยได้กำหนดนโยบายเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืนผ่านการดำเนินงานตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งนำโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) มาใช้เป็นวาระแห่งชาติ
(1) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเริ่มมีความเกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 3 และพัฒนาต่อเนื่องมาจนมีความชัดเจนยิ่งขึ้นโดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและการสร้างกำลังคนด้านสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปรากฏอย่างชัดเจนในแผนฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560–2564) และฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566–2570) กล่าวคือ ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560–2564) มุ่งเน้นการส่งเสริมการผลิตและการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สนับสนุนการผลิตภาคการเกษตรไปสู่เกษตรกรรมที่ยั่งยืน และส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน โดยคำนึงถึงขีดความสามารถในการรองรับของระบบนิเวศ ทั้งยังมุ่งสร้างกำลังคนด้านสิ่งแวดล้อมด้วยการให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดแรงงานในด้านสิ่งแวดล้อม
สำหรับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566–2570) นั้น เน้นการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจสู่การเติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน โดยส่งเสริมการผลิตและการบริโภคที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และสนับสนุนการลงทุนในเทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม มุ่งสร้างกำลังคนด้านสิ่งแวดล้อมให้มีทักษะและความรู้ที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานในยุคเศรษฐกิจสีเขียว โดยส่งเสริมการศึกษาและการฝึกอบรมในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
(2) ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน
ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ. 2561–2580) เป็นแผนพัฒนาประเทศไทยระยะยาวที่กำหนดขึ้นเพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ “ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” ยุทธศาสตร์นี้ มีองค์ประกอบสำคัญเพื่อการพัฒนาครอบคลุมทุกด้านหลัก ได้แก่ ด้านความมั่นคง ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ ทั้งยังมีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ของสหประชาชาติ โดยเฉพาะเป้าหมาย SDGs ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาอุตสาหกรรมและสิ่งแวดล้อม ดังนี้
ประเด็นเป้าหมาย SDGs | ความเกี่ยวข้องกับการจัดการสิ่งแวดล้อมในภาคอุตสาหกรรม |
---|---|
เป้าหมายที่ 6 น้ำสะอาดและสุขอนามัย | เกี่ยวข้องกับการจัดการน้ำเสียและการใช้น้ำในกระบวนการผลิตของอุตสาหกรรม |
เป้าหมายที่ 7 พลังงานสะอาดราคาถูก | สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดในภาคอุตสาหกรรมเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก |
เป้าหมายที่ 9 อุตสาหกรรม นวัตกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน | เน้นการส่งเสริม นวัตกรรม การพัฒนา โครงสร้างพื้นฐาน และการสร้าง อุตสาหกรรมที่ยั่งยืน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรในอุตสาหกรรม ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และขยายการเข้าถึงเทคโนโลยี |
เป้าหมายที่ 12 บริโภคและผลิตอย่างมีความรับผิดชอบ | สนับสนุนการผลิตและบริโภคที่ยั่งยืน เช่น ลดการสูญเสียอาหาร ลดของเสีย และปรับปรุงกระบวนการผลิตให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม |
เป้าหมายที่ 13 แก้ปัญหาโลกร้อน | จัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโดยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สนับสนุนพลังงานสะอาด และลดผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ |
เป้าหมายที่ 14 ชีวิตในน้ำ | เน้นการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและใช้ทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน ซึ่งเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมประมงและการจัดการมลพิษในทะเล |
เป้าหมายที่ 15 ชีวิตบนบก | ส่งเสริมการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติบนบก เช่น ป่าไม้ ดิน และสัตว์ป่า เพื่อรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ |
ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของประเทศไทยเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยผลักดันเป้าหมาย SDGs ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาอุตสาหกรรมและสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้เนื่องจากยุทธศาสตร์ชาติได้วางกรอบการดำเนินงานที่ชัดเจนผ่านการบูรณาการ เศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) เพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่
การพัฒนาอุตสาหกรรมที่สอดคล้องกับ SDGs จากการที่ยุทธศาสตร์ชาติเน้นย้ำการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน โดยมุ่งตอบสนองเป้าหมาย SDG 9: Industry Innovation and Infrastructure ผ่านแนวทางสำคัญ เช่น การส่งเสริมเทคโนโลยีสะอาดและนวัตกรรมสีเขียว การสร้างอุตสาหกรรม BCG ที่เน้นการใช้ทรัพยากรชีวภาพอย่างมีประสิทธิภาพและสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยประยุกต์ใช้เศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อลดของเสียและการใช้ทรัพยากรใหม่ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน เช่น การพัฒนาพลังงานหมุนเวียน การสร้างเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ และการพัฒนาระบบบริหารจัดการที่ลดการปล่อยมลพิษ
การพัฒนาและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ในยุทธศาสตร์ชาติมีความเกี่ยวข้องกับหลายเป้าหมายของ SDGs เช่น SDG 13: Climate Action ยุทธศาสตร์มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทุกภาคส่วน โดยใช้พลังงานทดแทนและส่งเสริมเทคโนโลยีที่ช่วยลดผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศ SDG 14: Life Below Water และ SDG 15: Life on Land มีการวางแผนอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ การจัดการระบบนิเวศป่าไม้ และฟื้นฟูแหล่งน้ำ รวมถึงการลดมลพิษที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทางบกและทางทะเล
บทบาทของกรอบเศรษฐกิจ BCG ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในการบรรลุ SDGs โดยเฉพาะในด้านอุตสาหกรรมและสิ่งแวดล้อม ด้วยแนวทาง Bio Economy คือ การใช้ทรัพยากรชีวภาพเพื่อสร้างเศรษฐกิจที่มีมูลค่าเพิ่ม เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ชีวภาพและพลังงานชีวภาพ Circular Economy คือ การส่งเสริมการหมุนเวียนทรัพยากรในระบบ ลดของเสีย และนำกลับมาใช้ใหม่ในกระบวนการผลิต และ Green Economy คือ การมุ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ลดการปล่อยมลพิษและการใช้พลังงานที่ยั่งยืน
จึงกล่าวได้ว่ายุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีมีการผสานเป้าหมาย SDGs ทั้ง 17 ด้านเข้ากับแผนพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะในด้านอุตสาหกรรมและสิ่งแวดล้อมอย่างชัดเจน และให้ความสำคัญต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อสนับสนุนการสร้างแรงงานที่มีทักษะในการใช้เทคโนโลยีสะอาดและนวัตกรรม ตลอดจนการสร้างความร่วมมือระหว่างภาคส่วน เช่น ภาครัฐ เอกชน และชุมชน เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ด้วยเหตุนี้ประเทศไทยโดยความรับผิดชอบโดยตรงของสถาบันการศึกษาจึงจำเป็นต้องจัดทำหลักสูตรให้สอดคล้องกับทิศทางยุทธศาสตร์ชาติเพื่อเตรียมบัณฑิตให้พร้อมต่อการตอบสนองตลาดแรงงานที่เน้นความยั่งยืน
2) การเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมในพื้นที่ EEC และการขยายตัวของอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ
การพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) ถือเป็นโครงการยุทธศาสตร์สำคัญของประเทศไทยที่มุ่งเน้นการยกระดับเศรษฐกิจให้มีความสามารถในการแข่งขันระดับสากล โดยพื้นที่นี้ได้รับการออกแบบให้เป็นศูนย์กลางของ อุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ (New S-Curve) เช่น อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ การบิน การแพทย์สมัยใหม่ และการผลิตเชิงนวัตกรรม ซึ่งอุตสาหกรรมเหล่านี้จำเป็นต้องดำเนินการควบคู่ไปกับแนวคิด อุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco-Industrial Development) เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจและความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม
การขยายตัวของอุตสาหกรรมในพื้นที่ EEC ทำให้ความต้องการแรงงานที่มีทักษะเฉพาะด้านเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มทักษะที่เกี่ยวข้องกับการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและการใช้เทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม ดังนี้
(1) การบริหารจัดการทรัพยากร ได้แก่ การจัดการน้ำ พลังงาน ของเสีย และทรัพยากรชีวภาพอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
(2) เทคโนโลยีสะอาดและนวัตกรรม ได้แก่ การออกแบบกระบวนการผลิตที่ลดการปล่อยมลพิษ การใช้พลังงานทดแทน และการนำทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่
(3) การประเมินและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม เช่น การวิเคราะห์คาร์บอนฟุตพรินต์ การประเมินวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ (LCA) และการควบคุมมลพิษ
สถาบันการศึกษาจึงควรมีบทบาทสำคัญในการตอบสนองต่อความต้องการแรงงานในพื้นที่ EEC สร้างหลักสูตรเฉพาะด้าน เช่น หลักสูตรเกี่ยวกับการจัดการทรัพยากร การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยีสะอาด เพื่อเตรียมแรงงานให้พร้อมสำหรับงานในภาคอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน เน้นการเรียนรู้แบบปฏิบัติจริง (Work-Integrated Learning) โดยให้นักศึกษาได้ฝึกงานในสถานประกอบการจริงในพื้นที่ EEC เพื่อสร้างทักษะที่ตรงกับความต้องการ เชื่อมโยงกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยออกแบบเนื้อหาการเรียนรู้ที่สนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน เช่น การลดของเสียในกระบวนการผลิต การใช้พลังงานหมุนเวียน และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งสร้างความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมและองค์กรท้องถิ่น เช่น การเชิญผู้เชี่ยวชาญมาเป็นอาจารย์พิเศษ หรือการจัดโครงการวิจัยร่วมกัน การปรับตัวของสถาบันการศึกษาไม่เพียงแต่ช่วยให้หลักสูตรทันสมัย แต่ยังเป็นการเสริมสร้างอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับทั้งนักศึกษา อุตสาหกรรม และประเทศชาติ
3) การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและนวัตกรรม
การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี เช่น AI, IoT และระบบอัตโนมัติต่างๆ ส่งผลต่อรูปแบบการจัดการอุตสาหกรรมและการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม หลักสูตรต้องบูรณาการความรู้ด้านเทคโนโลยีใหม่เข้ากับวิชาการเดิม รวมถึงการพัฒนาห้องปฏิบัติการและเครื่องมือการเรียนการสอนให้ทันสมัย การไม่ลงทุนในด้านนี้อาจส่งผลต่อคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน
4) ความตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อมของประชาชนและแรงงาน
แรงกดดันจากสังคมที่มีต่อองค์กรในการดำเนินงานอย่างยั่งยืนเพิ่มสูงขึ้น องค์กรต่าง ๆ ต้องการบุคลากรที่มีความรู้และทักษะด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมเพื่อช่วยลดผลกระทบต่อธรรมชาติ หลักสูตรจึงต้องปรับให้มีการเรียนรู้เชิงปฏิบัติที่เน้นการแก้ปัญหาจริงในชุมชนและภาคอุตสาหกรรม
5) การวิเคราะห์ข้อมูลอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในบริบทของ (ร่าง) พระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. ...
ในบริบทของ (ร่าง) พระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. .... [อยู่ระหว่างการเสนอ (ร่าง) พ.ร.บ.ฯ ต่อคณะรัฐมนตรีเห็นชอบและนำไปสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา] ที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม พิจารณาได้ในหลายมิติ ทั้งอุตสาหกรรมที่ส่งผลกระทบสูงต่อสิ่งแวดล้อมและการตอบสนองต่อข้อกำหนดด้านกฎหมายและความยั่งยืน ซึ่งจะเชื่อมโยงกับโครงสร้างของหลักสูตร คือ
(1) อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จากการวิเคราะห์ในบริบทประเทศไทยและกรอบกฎหมายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อุตสาหกรรมหลักที่ควรให้ความสำคัญ แสดงได้ดังนี้
อุตสาหกรรมหลัก ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม |
ปัญหา | โอกาสการพัฒนา |
---|---|---|
อุตสาหกรรมการผลิต | การใช้วัตถุดิบที่ไม่ยั่งยืนและการปล่อยมลพิษในกระบวน การผลิต | การปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตให้ลดการใช้พลังงานและ ลดคาร์บอนฟุตพรินต์ |
อุตสาหกรรมพลังงาน | การปล่อยก๊าซเรือนกระจก จากการผลิตไฟฟ้าจากฟอสซิล เช่น ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ |
การเปลี่ยนผ่านไปใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ลม และชีวมวล |
อุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร | การปล่อยก๊าซมีเทนจากปศุสัตว์และการจัดการน้ำเสีย | การใช้เทคโนโลยีที่ลดการปล่อยมลพิษ เช่น การจัดการฟาร์มอัจฉริยะ |
อุตสาหกรรมขนส่ง | การปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ จากการใช้เชื้อเพลิงในระบบขนส่ง | ลดการใช้พลังงาน ลดคาร์บอนฟุตพรินต์ การพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าและระบบขนส่งสาธารณะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม |
อุตสาหกรรมก่อสร้าง | การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างสิ้นเปลืองและการปล่อยมลพิษในกระบวนการก่อสร้าง | การออกแบบอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Building) และการใช้วัสดุที่ยั่งยืน |
(2) โครงสร้างหลักสูตรที่สอดคล้องกับปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและ (ร่าง) พระราชบัญญัติ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ร่าง) พ.ร.บ. ดังกล่าวนี้มุ่งเน้นการกำกับดูแลการลดก๊าซเรือนกระจกและการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเน้นที่การบังคับใช้มาตรฐานการปล่อยมลพิษ การสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด การส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และการสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals)
ทั้งนี้เพื่อให้หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิตสาขาวิชาการจัดการสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรมตอบสนองต่อความต้องการด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมและสิ่งแวดล้อม หลักสูตรจึงควรประกอบด้วย รายวิชาพื้นฐาน เช่น ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ระบบนิเวศและการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ พลังงานหมุนเวียนและเทคโนโลยีสะอาด ฯลฯ รายวิชาเฉพาะด้าน เช่น การวิเคราะห์คาร์บอนฟุตพรินต์และวอเตอร์ฟุตพรินต์ การออกแบบระบบอุตสาหกรรมแบบยั่งยืน (Sustainable Industrial Systems) เทคโนโลยีชีวมวลและการจัดการพลังงานในอุตสาหกรรม กฎหมายด้านสิ่งแวดล้อม ฯลฯ (รายละเอียดดังเอกสารแนบที่ 1)
การฝึกปฏิบัติ ได้แก่ การศึกษาผลกระทบของอุตสาหกรรมในกรณีศึกษา การพัฒนานวัตกรรมสิ่งแวดล้อมที่ใช้ได้จริงในอุตสาหกรรม ตลอดจนการทำงานร่วมกับภาคอุตสาหกรรมหรือองค์กรภาครัฐในการพัฒนาแนวทางลดการปล่อยมลพิษ นอกจากนี้ควรมีการศึกษาวิจัยและโครงการบูรณาการ การพัฒนาโครงการที่เชื่อมโยงกับ BCG Economy หรือการวิเคราะห์และเสนอแนวทางการลดก๊าซเรือนกระจกในอุตสาหกรรมเป็นต้น เพื่อพัฒนาบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนในภาคอุตสาหกรรมและสังคมโดยรวม
6) การแข่งขันในตลาดการศึกษา
ปัจจุบันมีหลักสูตรที่คล้ายคลึงกันเปิดสอนในหลายมหาวิทยาลัย ทำให้เกิดการแข่งขันด้านการดึงดูดผู้เรียน หลักสูตรจึงต้องสร้างจุดเด่น เช่น การให้โอกาสการฝึกประสบการณ์วิชาชีพในองค์กรชั้นนำ การทำวิจัยร่วมกับภาคอุตสาหกรรม เพื่อเพิ่มศักยภาพของผู้เรียนในตลาดโลก อย่างไรก็ตามมีความเสี่ยงที่สำคัญต่อหลักสูตรการล้าหลังทางเทคโนโลยี หากสถาบันการศึกษาไม่สามารถปรับปรุงหลักสูตรให้ทันสมัยได้ อาจส่งผลต่อความน่าสนใจของหลักสูตร ความไม่แน่นอนทางนโยบาย กล่าวคือ การเปลี่ยนแปลงทางนโยบายภาครัฐ เช่น การลงทุนในพลังงานสะอาดหรือการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรม อาจส่งผลต่อทิศทางการพัฒนาหลักสูตร การขาดบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ การพัฒนาและปรับปรุงหลักสูตรต้องการอาจารย์ที่มีความรู้ลึกซึ้งในสาขา การขาดแคลนบุคลากรนี้เป็นอีกความท้าทายที่สำคัญ
สรุปว่า สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทั้งในด้านเทคโนโลยี นโยบาย และความต้องการของตลาดแรงงาน เป็นทั้งโอกาสและความเสี่ยงต่อหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม การปรับตัวอย่างรวดเร็ว การพัฒนาหลักสูตรอย่างต่อเนื่อง และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมและภาครัฐ จะเป็นแนวทางสำคัญในการรักษาความทันสมัยและความสามารถในการแข่งขันของหลักสูตรในระยะยาว
สำหรับสถานการณ์ภายในซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอันส่งผลกระทบหรือความเสี่ยงที่มีต่อหลักสูตรนั้น มหาวิทยาลัยบูรพาได้กำหนดวิสัยทัศน์เป็น “ขุมปัญญาตะวันออก” (Wisdom of the East) โดยมีพันธกิจหลักในการจัดการศึกษาอย่างเสมอภาค ส่งเสริมเสรีภาพทางวิชาการ และการเรียนรู้ตลอดชีวิต บนพื้นฐานของคุณธรรมและจริยธรรม ในแผนยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัย มีการมุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพการศึกษาและการวิจัย เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล ซึ่งสอดคล้องกับหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม ที่มุ่งผลิตบัณฑิตที่มีความรู้และทักษะในด้านสิ่งแวดล้อมและอุตสาหกรรม พร้อมทั้งสามารถสร้างสรรค์นวัตกรรมที่ตอบสนองต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงภายในมหาวิทยาลัย เช่น การปรับโครงสร้างองค์กร หรือการเปลี่ยนแปลงนโยบาย อาจส่งผลกระทบต่อหลักสูตรดังกล่าว ทั้งในด้านการจัดการเรียนการสอน การวิจัย และการบริการวิชาการ ดังนั้น การติดตามและปรับปรุงหลักสูตรให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อรักษาคุณภาพและความสอดคล้องกับวิสัยทัศน์และพันธกิจของมหาวิทยาลัย
คุณสมบัติผู้สมัคร
คุณสมบัติเฉพาะสาขา | เกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกเข้าศึกษา | |
---|---|---|
GPAX | คะแนน TGAT | |
1. มีผลการเรียนเฉลี่ยสะสม (GPAX 6 ภาคเรียน) ไม่ต่ำกว่า 2.00 | 10 | 90 |
2. สำเร็จการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 หรือเทียบเท่า |
วัตถุประสงค์และผลลัพธ์การเรียนรู้ที่คาดหวังของหลักสูตร
วัตถุประสงค์
เมื่อสิ้นสุดการเรียนการสอนตามหลักสูตรแล้ว บัณฑิตจะมีสมรรถนะ ดังนี้
1. มีความรู้ ความสามารถด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม ตลอดจนมีทักษะการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ และแก้ปัญหาด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมที่สอดคล้องกับบริบทการพัฒนาในภาคอุตสาหกรรมได้
2. มีคุณลักษณะความเป็นผู้นำ มีทักษะการสื่อสาร สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถตัดสินใจเพื่อการจัดการสิ่งแวดล้อมได้อย่างเหมาะสมตามจรรยาบรรณวิชาชีพและมีจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม
3. เป็นผู้ที่เรียนรู้ตลอดชีวิต เท่าทันการพัฒนาทางเทคโนโลยีเพื่อสร้างสรรค์การจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
ผลลัพธ์การเรียนรู้รายชั้นปี (Year learning outcomes: YLO)
ชั้นปี | ผลลัพธ์การเรียนรู้รายชั้นปี |
---|---|
ชั้นปีที่ 1 | แสดงถึงความสามารถในความเข้าใจหลักการพื้นฐานวิทยาศาสตร์และสังคมศาสตร์ ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมและอุตสาหกรรม ตระหนักในความสำคัญของจรรยาบรรณวิชาชีพและการพัฒนาตนเองให้มีทักษะและคุณลักษณะตามที่หลักสูตรคาดหวัง |
ชั้นปีที่ 2 | สามารถอธิบายหลักการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อการวิเคราะห์ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมในภาคอุตสาหกรรม เรียนรู้การทำงานร่วมกับผู้อื่น แสดงทักษะในการสื่อสารได้อย่างเหมาะสม |
ชั้นปีที่ 3 | สามารถประยุกต์ใช้ความรู้และเครื่องมือด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เพื่อจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อมในภาคอุตสาหกรรม แสดงออกถึงจิตสำนึกความรับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อม การทำงานร่วมกับผู้อื่นในบทบาทผู้นำและผู้ตามได้อย่างเหมาะสม มีทักษะการสื่อสารและการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการถ่ายทอดข้อมูล และสามารถการเรียนรู้ด้วยตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ |
ชั้นปีที่ 4 | สามารถวิเคราะห์ สังเคราะห์องค์ความรู้เพื่อการจัดการสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรมได้อย่างเหมาะสมตามบริบทการพัฒนาอย่างยั่งยืน ภายใต้กฎระเบียบ จริยธรรมและจรรยาบรรณวิชาชีพ แสดงความสามารถในการเรียนรู้ตลอดชีวิต แสดงออกถึงทักษะการทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุวัตถุประสงค์ |
รายละเอียดหลักสูตร
หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรมของมหาวิทยาลัยบูรพา ได้รับการสร้างหรือออกแบบเพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดแรงงานในยุคที่การพัฒนาอุตสาหกรรมที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของสังคมและสิ่งแวดล้อม มุ่งผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพในเชิงวิชาการ แต่ยังเน้นการปฏิบัติจริงและการเชื่อมโยงกับภาคอุตสาหกรรมและสังคมอย่างใกล้ชิด ส่งผลให้หลักสูตรมีความโดดเด่นหลายประการ ดังนี้
1) การจัดการเรียนรู้แบบกลุ่มวิชาที่ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน
หลักสูตรได้กำหนดการศึกษารายวิชาเฉพาะแบบกลุ่มวิชา (Module) โดยมีที่มาจากการสำรวจความต้องการของผู้ใช้บัณฑิต ทั้งนี้พบว่ากลุ่มวิชาหลักที่ผู้ใช้บัณฑิตต้องการ ประกอบด้วยศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อม การจัดการอุตสาหกรรมรวมทั้งอาชีวอนามัยและความปลอดภัย เพื่อให้ผู้เรียนเลือกศึกษาตามความถนัดและความสนใจ ทั้งยังตอบโจทย์ตลาดแรงงาน ดังนี้
วิชาเอกบังคับ | ประกอบด้วย | วิชาเอกบังคับกลุ่ม 1 การจัดการสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม |
วิชาเอกบังคับกลุ่ม 2 เทคโนโลยีสิ่งแวดล้อม | ||
วิชาเอกเลือก | ประกอบด้วย | วิชาเอกเลือกกลุ่ม 1 การควบคุมมลพิษเชิงนิเวศ |
วิชาเอกเลือกกลุ่ม 2 นวัตกรรมสิ่งแวดล้อมเพื่ออนาคต | ||
วิชาเอกเลือกกลุ่ม 3 การจัดการอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน | ||
วิชาเอกเลือกกลุ่ม 4 อาชีวอนามัย ความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม |
2) ความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอกและการฝึกประสบการณ์วิชาชีพแบบ CIWIE
หลักสูตรเน้นการสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอก เช่น โรงงานอุตสาหกรรม บริษัทเอกชน และองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ผ่านการฝึกประสบการณ์วิชาชีพในรูปแบบการจัดการเรียนการสอน การวิจัย บริการวิชาการ สหกิจศึกษาและการศึกษาเชิงบูรณาการกับการทำงาน [Cooperative and Work-Integrated Education (CIWIE)] ซึ่งเป็นการฝึกปฏิบัติงานในสถานประกอบการเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือน คือ ภาคเรียนฤดูร้อน ชั้นปีที่ 3 ต่อเนื่องมายังภาคเรียนที่ 1 ชั้นปีที่ 4 เพื่อให้ผู้เรียนจะได้เรียนรู้จากสถานการณ์จริงในภาคสนาม สัมผัสกับความท้าทายในการทำงานจริง และพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาแบบมืออาชีพ การฝึกประสบการณ์วิชาชีพแบบ CIWIE ยังช่วยให้ผู้เรียนมีโอกาสสร้างเครือข่ายกับองค์กรที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอาจนำไปสู่โอกาสการจ้างงานในอนาคต
3) บัณฑิตได้รับการส่งเสริมการพัฒนาทักษะรอบด้านผสมผสานทั้งทักษะเชิงเทคนิค (Hard Skills) และทักษะเชิงสังคม (Soft Skills)
4) หลักสูตร 4 ปี ซึ่งผู้เรียนสามารถสำเร็จการศึกษาในระยะเวลา 3 ปีครึ่ง
5) การผลิตบัณฑิตที่ตอบโจทย์การพัฒนาที่ยั่งยืน
หลักสูตรนี้มุ่งเน้นการผลิตบัณฑิตที่มีความสามารถในการจัดการอุตสาหกรรมด้วยความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมในอุตสาหกรรมเป้าหมายภาคตะวันออกและประเทศ มีทักษะการพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของสังคมในยุคปัจจุบัน บนพื้นฐานของการพัฒนาที่ยั่งยืน ด้วยกระบวนการเรียนรู้ที่สมดุลระหว่างทฤษฎีและปฏิบัติ ความโดดเด่นดังกล่าวสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการสร้างบัณฑิตที่มีความพร้อมทั้งในด้านวิชาการและการปฏิบัติจริง หลักสูตรนี้เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องการเตรียมตัวสู่อนาคตในภาคอุตสาหกรรมที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งมีความเชื่อมโยงกับตลาดแรงงานทั้งในระดับประเทศและนานาชาติอย่างแท้จริง
ค่าธรรมเนียมการศึกษา
เหมาจ่าย 15,500 บาทต่อภาคการศึกษา
อาชีพที่สามารถประกอบได้หลังสำเร็จการศึกษา
1) สายงานภาคอุตสาหกรรม
(1) ผู้จัดการสิ่งแวดล้อมประจำโรงงานอุตสาหกรรม 1,2
(2) ผู้ควบคุมประจำระบบจัดการสิ่งแวดล้อม ได้แก่ ผู้ควบคุมประจำระบบบำบัดน้ำเสีย ผู้ควบคุมประจำระบบบำบัดมลพิษทางอากาศ และผู้ควบคุมประจำระบบจัดการ กากอุตสาหกรรม 1,2
(3) เจ้าหน้าที่ฝ่ายสิ่งแวดล้อมประจำโรงงาน 3,4,5,6
(4) เจ้าหน้าที่ประจำห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ 7
2) สายงานภาคราชการ
(1) นักวิชาการสิ่งแวดล้อม
(2) นักวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม
(3) เจ้าหน้าที่ประจำห้องปฏิบัติการสิ่งแวดล้อม
(4) เจ้าหน้าที่ควบคุมมลพิษ
3) สายงานภาคเอกชนด้านการวางแผนและเป็นที่ปรึกษา
(1) นักวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม
(2) เจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม (ทำงานในบริษัทที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม)
4) สายงานผู้ประกอบการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
(1) ผู้ประกอบการในธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
1 ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง การกำหนดชนิดและขนาดของโรงงาน กำหนดวิธีการควบคุมการปล่อยของเสีย มลพิษ หรือสิ่งใดๆ ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม กำหนดคุณสมบัติของผู้ควบคุมดูแล ผู้ปฏิบัติงานประจำ และหลักเกณฑ์การขึ้นทะเบียนผู้ควบคุมดูแลสำหรับระบบป้องกันสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ พ.ศ. 2545 ฉบับที่ 1 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 119 ตอนพิเศษ 37 ง วันที่ 7 พฤษภาคม 2545 และฉบับที่ 2 พ.ศ. 2554 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 129 ตอนพิเศษ 26 ง วันที่ 31 มกราคม 2555
2 ประกาศกรมโรงงานอุตสาหกรรม เรื่อง การขึ้นทะเบียนเป็นผู้ควบคุมระบบบำบัดมลพิษน้ำ หรือผู้ควบคุมระบบบำบัดมลพิษอากาศ หรือผู้ควบคุมระบบการจัดการมลพิษกากอุตสาหกรรม พ.ศ. 2556 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 130 ตอนพิเศษ 74 ง วันที่ 21 มิถุนายน 2556
3 สามารถยื่นประเมินเพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม สาขาการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านวิทยาศาสตร์และการควบคุมมลพิษ ประเภท 1 ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน และ ประเภท 2 ผู้ควบคุมมลพิษ ตามประกาศสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ 6/2566 วันที่ 29 กันยายน พ.ศ.2566
4 ไม่สามารถยื่นประเมินเพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม สาขาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ตามประกาศสภาวิชาชีพ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตามประกาศสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ 2/2567 วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2567
5 ไม่สามารถปฏิบัติงานเป็นเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยวิชาชีพ (จป. วิชาชีพ) ตามข้อบังคับสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีว่าด้วยการประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม สาขาอาชีวอนามัยและความปลอดภัย พ.ศ. 2566 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 140 ตอนพิเศษ 130 ง วันที่ 2 มิถุนายน 2566
6 ขออนุญาตเป็นผู้ชำนาญการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ได้ ตามกฎกระทรวง การอนุญาตเป็นผู้ชำนาญการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2567 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 141 ตอนพิเศษ 70 ก วันที่ 20 พฤศจิกายน 2567
7 ระเบียบกรมโรงงานอุตสาหกรรมว่าด้วยการขึ้นทะเบียนห้องปฏิบัติการวิเคราะห์เอกชน พ.ศ.2560 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 134 ตอนพิเศษ 155 ง วันที่ 9 มิถุนายน 2560
อาจารย์ที่ปรึกษาชั้นปี
ชั้นปีที่ 1 ผศ.ดร.สิรินารี เงินเจริญ และ ผศ.ดร.ศิริประภา แจ้งกรณ์
Information updated on 7 May 2025